คณะสถาปัตย์ภาคอินเตอร์ของจุฬา จะถูกแบ่งออกเป็น 2 คณะ
1. การออกแบบสถาปัตยกรรมหลักสูตรนานาชาติ – INTERNATIONAL PROGRAM IN DESIGN AND ARCHITECTURE หรือ “INDA”
INDA เรียนอะไรบ้าง ?
หลักๆเลย คือ INDA เรียนการออกแบบโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ตึก อาคาร หรือ แม้แต่ภูมิสถาปัตย์ (Landscape) นอกเหนือจากนั้นทางคณะยังจะสอนน้องลึกลงไปถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถาปัตย์ และการใช้การออกแบบเหล่านั้นเพื่อสื่อสารกับผู้คน
โดยทางคณะจะมีรูปแบบสอนที่เน้นไปทางที่ให้น้องๆได้ลองทำชิ้นงานออกมาด้วยตนเอง และนำชิ้นงานนั้นมานำเสนอ แล้วอาจารย์จะเป็นคนคอมเม้นต์งานแต่ละชิ้นอย่างละเอียด ซึ่งด้วยระบบการเรียนการสอนแบบนี้ น้องๆจะมีอิสระในการเลือกวิธี หรือ โปรแกรมที่น้องถนัดในการใช้งาน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานในแต่ละชิ้นด้วยตนเอง แต่ก็ด้วยระบบการเรียนแบบนี้เช่นกันที่ทำให้น้องๆแต่ละคนต้องพยายามอย่างมากในการเรียน เพราะนอกเหนือจากงานที่ต้องส่ง และเนื้อหาที่เรียนแล้ว น้องก็ยังต้องเรียนรู้โปรแกรม วิธีการตัดโมเดล หล่อโมเดล การจัด layout งานต่างๆด้วยตนเอง
Requirement
นอกจากใบจบการศึกษา หรือ ใบรับรองว่าน้องกำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.6 จากโรงเรียนแล้ว น้องจำเป็นจะต้องมีคะแนนสอบ 3 อย่าง, Portfolio 1 เล่ม และ Personal Statement เพื่อไปยื่นให้คณะประกอบการตัดสินใจในการรับน้องเข้าเรียน โดยในแต่ละปีคณะจะรับนักเรียนเป็นจำนวนประมาณ 80 คน
- คะแนน CU-TAD : ต้องเกิน 50 คะแนนจาก 100 โดย Weekend Studio แนะนำให้น้องสอบให้ได้ประมาณ 70 คะแนน
- คะแนน SAT (Math Section) ต้องเกิน 570 หรือ ถ้าน้องใช้ CU-AAT (Math Section) ต้องเกิน 550 คะแนน โดย Weekend Studio แนะนำให้น้องสอบให้ได้ประมาณ 670 คะแนนใน section นี้ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ SAT หรือ CU-AAT ก็ตาม
- คะแนน SAT (Verbal Section) ต้องเกิน 450 หรือ ถ้าน้องใช้ CU-AAT (Verbal Section) ต้องเกิน 400 คะแนน โดย Weekend Studio แนะนำให้น้องสอบให้ได้ประมาณ 500 คะแนนใน section นี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ SAT หรือ CU-AAT ก็ตาม
หรือ ถ้า SAT หรือ CU-AAT (Verbal Section) ไม่ใช่ทางของน้อง น้องก็สามารถสอบ IELTS มายื่นแทนได้ โดยน้องต้องได้คะแนนเกิน 6.0 ขึ้นไป** ซึ่งหากน้องจะใช้คะแนน SAT หรือ CU-AAT ทั้ง Math และ Verbal section ในการยื่นนั้น คะแนนนั้นต้องมาจากการสอบในรอบเดียวกันเท่านั้น
- Portfolio ในลักษณะของหนังสือ 1 เล่มในขนาดเท่ากับกระดาษ A4 โดยที่ต้องมีความหนาไม่เกิน 1 นิ้ว
- Interview & Essay หลังจากที่น้องๆ ยื่นคะแนนต่างๆ และ portfolio แล้ว หากน้องผ่านเกณฑ์ของคณะ คณะจะเรียกน้องเข้าไปเพื่อทำข้อสอบวาดรูป และเขียนอธิบายสิ่งที่ตัวเองวาดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก็จะสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษต่อในวันเดียวกัน
โดย INDA จะมีการแบ่งคะแนนในแต่ละ part ออกมาเฉลี่ยนให้เต็ม 100% เพราะฉะนั้นยิ่งน้องได้คะแนนในแต่ละ part สูงขึ้นเท่าไหน ก็จะยิ่งมีสิทธิ์ในการสอบติดมากขึ้นเท่านั้น
2. การออกแบบนิเทศศิลป์หลักสูตรนานาชาติ – INTERNATIONAL PROGRAM IN COMMUNICATION DESIGN หรือ “COMMDE”
COMMDE เรียนอะไรบ้าง ?
COMMDE เรียนการออกแบบสื่อ เพื่อนำมาสื่อสารกับผู้คน โดย “สื่อ” เหล่านี้อาจจะออกมาในรูปแบบของ งานกราฟฟิกบนสิ่งพิมพ์ อย่างโปสเตอร์, แบนเนอร์ในอินเตอร์เน็ต, ภาพกราฟฟิก รวมไปจนถึงงานโฆษณา
โดยรูปแบบการเรียนการสอนของคณะนั้นจะค่อนข้างคล้ายกับ INDA คือ คณะจะเน้นไปในทาง experimental base หรือการให้น้องได้ไปลองทำงานแต่ละชิ้นด้วยตนเอง โดยน้องจะได้รับอิสระในการเลือกวิธีในการทำ และได้มีอิสระในการที่จะ explore ความคิดของตนเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานเป็นอย่างมาก โดยอาจารย์ที่สอนก็จะคอยให้คำปรึกษาระหว่างทาง และคอมเม้นต์ผลงานน้องๆหลังจากที่น้องทำเสร็จแล้ว เพื่อให้น้องได้พัฒนาผลงานตนเองต่อไปในอนาคต
Requirement
นอกจากใบจบการศึกษา หรือ ใบรับรองว่าน้องกำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.6 จากโรงเรียนแล้ว น้องจะต้องมีคะแนน 2 ส่วน, ไฟล์ผลงาน 12 หน้า, Personal Statement และ Recommendation letter จากอาจารย์ เพื่อไปยื่นให้คณะประกอบการตัดสินใจในการรับน้องเข้าเรียน โดยในแต่ละปีคณะจะรับน้องเรียนเข้าเรียนเป็นจำนวน 50 คน
- คะแนน SAT (Math Section) ต้องเกิน 490 หรือ ถ้าน้องใช้ CU-AAT (Math Section) ต้องเกิน 450 คะแนน
- คะแนน SAT (Verbal Section) ต้องเกิน 450 หรือ ถ้าน้องใช้ CU-AAT (Verbal Section) ต้องเกิน 400 คะแนน หรือ ถ้า SAT หรือ CU-AAT (Verbal Section) ไม่ใช่ทางของน้อง น้องก็สามารถสอบ IELTS มายื่นแทนได้ โดยน้องต้องได้คะแนนเกิน 6.0 ขึ้นไป
** ในทีนี้น้องไม่จำเป็นต้องใช้คะแนน SAT หรือ CU-AAT จากการสอบรอบเดียวกันมายื่น ยิ่งไปกว่านั้น COMMDE จะไม่นำเอาคะแนน ทั้งในส่วน Math และ Verbal มานับเป็นเปอร์เซ็นต์ในการสอบเข้า แต่เพียงจะดูว่าน้องสอบผ่านเกณฑ์ที่คณะกำหนดไว้หรือไม่ แปลว่า แม้ว่าน้องจะได้คะแนน SAT Math section มา 800 เต็ม กับน้องอีกคนที่ได้ เพียงแค่ 500 คะแนน สำหรับ COMMDE น้องที่ได้ 800 ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ในการติดมากกว่า เพราะคณะสนใจเพียงแค่ขอให้น้องสอบผ่านเกณฑ์มาก็พอแล้ว
- File Portfolio 12 แผ่น ทางคณะจะให้น้องส่ง Portfolio ในรูปแบบของ file PDF ที่สามารถมีได้เพียง 12 หน้า โดยแต่ละหน้าหมายถึงผลงาน 1 ชิ้น
- Personal Statement ซึ่งเป็นเหมือนจดหมายที่น้องเขียนให้คณะว่าทำไมน้องถึงอยากเขียนเรียนที่นี่ และถ้าจะให้ดีก็สมควรจะเขียนอธิบายว่าทำไมคณะถึงสมควรรับน้องเข้าเรียนด้วยเช่นกัน
- Recommendation Letter จากอาจารย์ที่โรงเรียน
เนื่องจาก COMMDE แทบจะไม่สนใจคะแนนวิชาการอย่างเลขหรืออังกฤษ เพราะฉะนั้นคะแนนในส่วนของ Portfolio, Personal Statement และ Recommendation Letter จึงมีส่วนช่วยในการสอบติด COMMDE เป็นอย่างมาก โดยคณะจะอนุญาติให้น้องทุกคนที่ยื่นเอกสารทุกอย่างได้ถูกต้อง มีสิทธิ์เข้าสอบ Skill Test ซึ่งเป็นข้อสอบวาดภาพที่ถูกจัดสอบโดย COMMDE เอง และ เข้าสอบสัมภาษณ์ ซึ่งถือเป็นที่สุดแห่งที่สุดสำหรับการสอบของคณะนี้ น้องจะต้องเข้าไปอธิบายว่าตัวเองวาดอะไรมาบน Skill Test แต่ละงานนั้นสื่ออะไร Portfolio ที่ตัวเองทำมาทำไมถึงทำออกมาเช่นนั้น ทำไมถึงอยากเข้าคณะนี้ และทำไมถึงไม่อยากไปเรียนคณะนี้ และตนเองเหมาะกับคณะนี้จริงหรือไม่
** INDA กับ COMMDE ต่างกันยังไง ?
แม้ว่า INDA และ COMMDE จะสังกัดอยู่ภายใต้คณะสถาปัตย์เหมือนกัน แต่จริงๆแล้วทั้งสองคณะนี้ สอนสิ่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง พูดง่ายๆคือ INDA จะสอนให้น้องเป็นสถาปัตย์ ที่ออกแบบตึก ออกแบบบ้าน แต่ COMMDE ไม่ได้สอนการออกแบบอาคารเลย แต่จะสอนการออกแบบสื่อแทน
ดังนั้นหากน้องจบ COMMDE มาน้องจะไม่สามารถมาออกแบบตึกหรืออาคารได้เหมือนน้องที่เรียน INDA ในขณะที่หากน้องจบจาก INDA มาน้องอาจจะสามารถมาทำงานการออกแบบสื่อกราฟฟิก หรืองานโฆษณาได้เหมือนที่น้องที่เรียน COMMDE มา เพียงแต่น้อง INDA จะไม่ได้เข้าใจงานในเชิงลึก หรืออารมณ์ของงานที่จะสื่อกับผู้ชมได้อย่างที่น้อง COMMDE เข้าใจ